------- (หน้าคอม // นอนดึก) -------
"นายไม่ได้อยู่คนเดียว" คำพูดประโยคหนึ่งของหนังเรื่อง X-Men Frist Class เป็นคำพูดของพระเอกที่พูดกับคนๆ หนึ่งซึ่งตอนหลังเราเรียกเขาว่าตัวร้าย คนคนนี้คิดต่างไปจากพระเอก มันเป็นเรื่องของคนที่คิดในเรื่องเดียวกันแค่คนละมุม
ความประทับใจในการร่วมทุกข์ร่วมสุขอาจจะสร้างมิตรภาพได้ แต่มันไม่ได้หมายความว่ามันจะรักษามิตรภาพให้คงอยู่ถาวร สุดท้ายคนที่เรารักอาจจะมีวิถีทางของเขาเองสักวัน 'มันไม่มีอะไรแน่นอน' บางที่เราคิดว่าเราสามารถเปลี่ยนเค้าได้ แต่เปล่า ... เราทำได้เพียงรอเวลา ทำได้แค่ยื้อ ให้บทสรุปมันยืดเยื้อออกไปเท่านั้น
สุดท้ายเค้าก็คือเค้า ...
หากเราคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเป็นว่ามันไม่ถูก ไม่ว่าจะด้วยประสบการณ์หรือหลักการอะไรก็ตาม มันก็จะทำให้เราเกลียดเค้า 'จงเปิดใจเรียนรู้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น' เพราะอย่างน้อยเค้าก็มีสิทธิ์เลือก เหมือนอย่างที่เราเองก็มีสิทธิ์เลือกวิถีทางของเราเช่นกัน
แต่หากวันหนึ่งเค้ารู้ว่าสิ่งที่เขาเลือกมันไม่ใช่ ตกลงว่า ... มันดึงให้เค้าตกต่ำลง เราก็พร้อมไปอยู่จุดๆ นั้นเพื่อพยุงเค้าขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งนี้ยิ่งใหญ่กว่ามิตรภาพเพียงชั่วคราว
'มิตรภาพ' ยิ่งใหญ่กว่าการพยายามทำความเข้าใจเขา หรือการตีหน้าบอกว่าเราเข้าใจทั้งๆ ที่ไม่ มันเป็นสภาวะที่เราต้องเป็นผู้เรียนรู้ เป็นสิ่งที่เหนือการควบคุม เป็นสิ่งที่เราจะต้องถ่อมใจก่อน 'ถึงจะเข้าใจอย่างถ่องแท้' เพราะไม่มีอาจารย์คนไหนสอนได้ หากผู้เรียนไม่อยากเรียน ...
คนที่เรารักเค้าไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับเราเสมอไป ไม่ต้องเข้าใจเราเสมอไป เพราะเค้าแตกต่างไปจากเรา เค้าอาจถูกในมุมมองของเค้า ซึ่งแน่นอนมันย่อมต่างจากมุมมองของเรา
การเตรียมใจแบบนี้ทำให้เราพร้อม พร้อมที่จะเข้าใจบทเรียนครั้งสำคัญจากความรัก ซึ่งมันเจ็บ แต่คุ้มค่าที่จะเรียน คุ้มค่ากับหยดน้ำตาทุกหยดของเรา เรารู้ว่าเมื่อเราผ่านไปได้ เราก็จะกลายเป็นผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ที่ต่างออกไปจากเด็ก ผู้ใหญ่ที่พร้อมจะนำคนอื่น เลี้ยงดูและสั่งสอนคนอื่น
'ผู้ใหญ่ไม่ใช่คนหน้าแก่ที่วางตัวเหนือกว่าคนอื่น' หรือทำตัวเหมือนผู้ทรงภูมิ ผู้ใหญ่ไม่ใช่เพียงคนฉลาดเพียงอย่างเดียว
เด็กก็เป็นผู้ใหญ่ได้น่ะสิ ...
ใช่ ... ถ้าเด็กคนนั้นสามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดได้มากพอโดยไม่ท้อใจซะก่อน เพราะผมเจอความโดดเดี่ยว เพราะผมเจอพิษภัยจากความโกรธเกลี้ยวตั้งแต่เด็ก จึงรู้และเข้าใจว่ามันเจ็บแค่ไหน โตมาจึงไม่อยากทำให้ใครรู้สึกอย่างนั้น
ความรัก มิตรภาพ มันไม่มีรูปแบบตายตัว บางทีมันอาจมีนิยามที่ต่างออกไป ขึ้นอยู่กับว่าเราเปิดใจได้มากแค่ไหน แน่นอนมันสวยงาม และซาบซึ้งหากเราถึงจุดๆ นั้น ที่เราเข้าใจ และรับรู้ได้
อ่านแล้วนึกถึงตอนที่ไม่เข้าใจกันกับเพื่อนสนิท ไม่คุยกันไปเป็นเทอมๆ เลย
ตอบลบมาย้อนมองตอนนี้ มันงี่เง่ามากเลยทั้งสองฝ่ายนะ
คือบางครั้ง มิตรภาพ กับ ทิฐิ มันค้ำคออยู่ตลอดอ่ะคะ
กลัวเสียฟอร์มบ้างถ้าเข้าไปคุยก่อน กลัวเพื่อนหาว่าไม่เจ๋ง ถ้าเราไปง้อ
สุดท้าย ทั้งสองฝ่ายต่างคิดแบบเดียวกัน
ไม่มีใครง้อใคร เลยต้องอยู่คนเดียวด้วยกันทั้งคู่
จนมาตอนนี้ เรากลับมาเป็นแบบเดิม :)
และเอาวันก่อนๆ ที่เราพลาดให้กัีน มาเติมเต็มให้เราเป็นเพื่อนที่ซี้ปึ้กๆ มากกว่าเดิมตอนนี้ค่ะ :)