------- (หน้าหนาวของฉัน // โธ่ เอ๊ย !!) -------
โลกนี้เต็มไปด้วยของสี่เหลี่ยม ทั้งโต๊ะ หน้าจอคอมพิวเตอร์ หนังสือ โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ ฯลฯ เราอยู่ในโลกกลมๆ และใช้เครื่องมือเหลี่ยมๆ เหล่านี้ดำเนินชีวิต มันจะทำให้ความคิดของเราอยู่ในกรอบมั้ยน้า ...
คนเราพยายามเหลือเกินที่จะคิดนอกกรอบ แต่พยายามอย่างไรเราก็แค่เปลี่ยนกรอบ ผมนั่งถามตัวเองว่ามีอะไรบ้างที่ไร้กรอบ ไร้กฎ ไร้เงื่อนไข เท่าที่นึกๆ ดู มันก็มีกรอบมีกฏเกฑ์ และมีเงื่อนไขกันหมดนะ 'เราอาจจะหนีจากกรอบหนึ่งได้ แต่ก็ไม่วายตกอยู่ในพันธนาการของอีกกรอบหนึ่ง' โอ๊ยปวกหัวแล้ว
ทำไมวันว่างทั้งทีต้องมานึกอะไรเครียดๆ ด้วย ... มันคงเป็นเพราะผมนั่งมองหน้าจอสี่เหลี่ยมนี้นานไปแน่เลย ผมสรุปอย่างไม่มีปี่ขลุ่ย
ตอนนี้เป็นตอนกลางคืนแล้ว พระจันทร์ตั้งอยู่กลางฟ้ามืดดำเป็นหลักฐาน นกฮูกเป็นพยาน (มันต้องการความมันใจอะไรขนาดนั้น) ผมนึกย้อนศรความคิดตัวเอง นึกย้อนอดีตไป ไม่ไกลเท่าไหร่
ปีที่แล้วเดือนตุลาคม ... มีอะไรน่าสนใจนะ
'นึกไม่ออก' แป่ววว !!
ผมจำไม่ได้รู้อย่างเดียวว่ามันเป็นฤดูหนาว 'ฤดูหนาวเหรอ' ผมฉุกใจคิดต่อ กลิ่นอายความรู้สึกบางสิ่งรั้งผมให้ก้าวเข้าไปในความทรงจำอันแสนเลือนลางนั้น มันเป็นถนนกว้างๆ กลางราตรีในแบบนี้ แยกราชประสงค์ (เดี๋ยวนี้คำนี้มันมีความหมายลึกซึ้งกินใจมากขึ้น กระทบความรู้สึกทุกต่อมติ่งจริงๆ)
ผมนึกต่อไปถึงห้างเซ็นทรัลเวิลด์ที่เงียบเหงาลงไป เขาติดป้ายมั่นใจว่าคนไทยเกินล้านคิดถึงเขา ผมก็คงเป็นหนึ่งในนั้นรึเปล่า ... ไม่รู้ ... ไม่มีใครมาถามผมหนิ
ห้างนี้ทุกๆ ปี จะมีเทศกาลลานเบียร์ท้าลมหนาว ทำไม ?? เพราะทานเบียร์ไปแล้วบางคนจะลุกขึ้นมาถอดเสื้อ แล้วพูดว่า 'ป่อยยยยกู ! กูม่ายยย ได้ เมา' เดือดร้อนเพื่อนๆ ต้องพากลับบ้าน 'ใครเมาไม่รู้ แต่ไม่ใช่กูแน่ๆ'
งานลานเบียร์ในปีนี้ก็ซบเซาตามระเบียบ เพราะห้างดังเพิ่งจะเปิดหลังจากส่วนหนึ่งโดนเผาไป ร้านรวงอะไรก็เพิ่งจะ setup กัน ยังไม่ได้เปิดอย่างเต็มรูปแบบ 'สังเกตจากรอยยิ้มแหยๆ ของพนักงาน' ช่วงนั้นจำได้ดีว่าต้องมีการจัดรายการลดราคาสินค้าเพื่อดึงดูดลูกค้ากลับมา เพราะคาดว่าลูกค้าคงผวาไปตามข่าวสงครามกลางเมืองตามที่สื่อประโคมให้รับชมรับฟัง
ผมเลยอดไปเสพบรรยากาศสุดแสนโรแมนติคของถนนหนทางแถวนั้น อดไปเดินรับการมาเยือนของลมหนาว อดมองพระจันทร์และดวงดาวของหน้าหนาว เราคงเป็นดาวเคราะห์ที่วุ่นวายที่สุดในจักรวาล ผมคิด
ยังไงท้องฟ้าก็ยังเป็นเหมือนเดิมไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล ไม่ว่าจะปกครองด้วยระบอบไหน ความจริงคือเราต้องทานข้าว ต้องอยู่ต่อสู้ และมีชีวิตรอด
------- (สู้ต่อไปทาเคชิ !! // ชีวิตของเธอลิขิตเอง) -------
ความจริงคือชีวิตมันไม่ได้ง่ายเลยสำหรับใครบางคน เมื่อใครบางคนถือปืนมันก็อาจเป็นเวลาที่ใครบางคนอาจจะต้องจากโลกนี้ไปตลอดกาล เรามีมือเอาไว้ทำอะไรกันแน่ ... ผมตั้งคำถาม
รูปร่างของมันนิ้มๆ มีนิ้วห้านิว เล็บก็ไม่ได้หนา หรือเป็นชิ้นกระดูกขนาดใหญ่ ไม่ได้คมเหมือนแมว ผมยิ้ม 'เราคงมีไว้เพื่อกอดใครบางคนให้นานที่สุด เท่าที่เราจะทำได้' มีใครบางคนใช้มันหาเช้ากินค่ำ ได้เงินมาก็ไม่มาก แต่ก็ไม่เคยหยุด ใครบางคนท้อใจแต่ก็พยายามลุกขึ้นมายืน เพื่อให้คนข้างหลังยืนอยู่ได้
ในขณะที่ให้บสงคนเถียงกันเรื่องระบอบการปกครอง ต่างพยายามคิดถึงรูปแบบที่ดีที่สุด บางคนคิดว่าบางคนไม่ควรเป็นรัฐบาล ใครบางคนกำลังพยายามเอาตัวออกไปจากกรอบ แต่เขาก็ยังอยู่ในอีกกรอบ ไม่ว่าอย่างไร เรา มนุษย์ใต้ฟ้าก็ต้องการเพียงความรัก อาหารในมื้ออาหาร การอยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ลูก อากาศดีๆ น้ำดื่ม และช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนตามอัตภาพ
จะว่าไปแล้วโลกนี้ก็มีให้เราครบ ไม่ต้องทำอะไรก็มี ไม่ต้องไปดิ้นรนก็มีพร้อม ...
ก่อนหน้าเดือนตุลาฯ ลึกลงในอดีตของผม ผมเคยนั่งมองต้นไม้ที่อำเถอเจ็ดเสมียร ขณะไปเข้าค่ายอบรมเกี่ยวกับการเขียนเพลง พิจารณาไปๆ มาๆ ก็เห็นว่ามันออกดอกออกผมให้เรากินใช้ พอเรากินเสร็จเราสามารถขว้างลงไปในดินตรงไหนก็ได้ มันก็จะขึ้นมาใหม่ให้เรากินได้อีก แถมฟอกอากาศให้เรา บางต้นมีกลิ่นหอมให้เราได้พักผ่อนแบบอโรมา
ได้แต่บอกตัวเองว่าคงมีสักวันที่เราจะไม่ได้พยายามเปลี่ยนประเทศนี้ แต่พยายามเปลี่ยนใจตัวเองก่อน คิดบนพื้นฐานแห่งการให้อภัย เป็นผู้ให้ก่อนที่จะรับ เป็นผู้ยิ้ม เป็นผู้กอด ผู้ปลอบใจ นั่นแหละประเทศถึงจะเปลี่ยน
ตุลาฯ จะมาแล้วนะ ผ่านไปอีกหนึ่งปี เราได้ทำอะไรที่อยากทำให้คนที่เรารักรึยัง ใครบางคนที่เราโกรธเขามาแสนนาน ตอนนี้อยากคุยแต่ไม่กล้า ได้ลองพยายามคุยรึยัง
สู้ๆ นะ ... ปีหน้าจะได้มีเพื่อนไปนั่งกินเบียร์ท้าลมหนาว ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น