วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เปียกปอนผ่านการเวลา

พื้นผิวแผ่นน้ำบนพื้นคอนกรีตกระเพื่อมออกเป็นวง จากจุดศูนย์กลางมันแผ่ออกไปทางด้านข้าง ก่อนที่หยาดหยดของสายน้ำที่ตกลงมาจากฟากฟ้าหยดแล้วหยดเล่าจะหลั่งไหลรินรดลงมา

ประกายระยับของสายฝนยามที่ตกลงมากระทบผิวน้ำเบื่องล่างในยามนี้นั้นช่างละม้ายคล้ายกับแสงระยิบของเพชรน้ำงามตามโฆษณาใน "ทีวี" ดึงความรู้สึกของชายหนุ่มร่างสันทัดเข้าไปอีกห้วงหนึ่งของกาลเวลา

เขาเป็นเด็กชายผิวขาวในวัยกำลังซน ชุดนักเรียนชั้นประถมถูกสวมเอาไว้อย่างอย่างยุ่งๆ เวลาบ่ายสี่โมงกำลังจะมาถึง และเขาก็ตั้งตารอคอยแม่อยู่ตรงนั้น ที่อาคารเก่าสีเขียว มันเป็นอาคารที่สร้างขึ้นจากไม้ทั้งหลัง

เด็กชายชันเข่าท้าวคางพลางพ่นลมหายใจออกไปปะปนกับความเย็นของอากาศอย่างเบื่อหน่าย ท่ามกลางเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กชายหญิงวัยเดียวกัน

การรอคอยยืดช่วงเวลาชั่ววินาทีให้ยาวออกไปแสนไกล จากจุดนี้ระยะทางแห่งการรอคอยนั้นผ่านมายาวไกลแล้ว หากแต่มันยังไม่สามารถมองเห็นจุดสิ้นสุดได้เลย "เขาไม่เคยต้องรอนานขนาดนี้มาก่อน"

แฉะ แฉะ แฉะ แฉะ แฉะ แฉะ

เสียงรองเท้าบูทยางดังขึ้น มันดึงเขาออกมาจากภวังค์แห่งการรอคอย เป็นสตรีวัยกลางคนในชุดคนขายยาคูล์ที่กำลังเดินเข้ามา

เด็กชายทอดถอนลมหายใจออกอย่างช้าๆ ก่อนที่จะเดินไปที่โตะไม้ของครูประจำชั้น

"ครูครับ ..."

"จ่ะ" ครูสาวในเสื้อสีขาวลายจุดสีน้ำเงินตอบกลับมาพลางหยิบเหรียญห้าบาทขนาดใหญ่ออกมาจากกระเป๋าสะพายที่อยู่ "ใต้โต๊ะ" ของเธอเอง

"วราวุฒิ เธอเขียนลงไปในสมุดด้วยนะ ว่าวันนี้เบิกไปกี่บาทแล้ว"

"ครับ" เด็กชายตอบกลับพลางเขียนเลขสิบลงบนหน้ากระดาษของสมุดเล่มใหญ่ปกสีน้ำเงิน

ตึก ตึก ตึก ตึก

เขากระทบเท้าที่ถูกหุ้มเอาไว้ด้วยถุงเท้าสีขาวปนเหลืองยานๆ ออกไปบนพื้นไม้กระดานของห้องเรียน

"ผมเอาหนึ่งขวดครับ"

"ได้จ่ะ" สาวใหญ่วัยกลางคนล้วงมือหยิบขวดยาคูล์ขวดหนึ่งออกมาให้เด็กชาย ก่อนที่จะเก็บเงินและเดิน แฉะ แฉะ แฉะ แฉะ กลับไป "มันไม่มีคำร่ำลา"

เด็กชายทรุดตัวลงนั่งชันเข่าตรงที่เดิม

สายฝนกลายเป็นเพียงหยดน้ำที่เลื่อนตัวไปมาบนใบบัวในอ่างดินเผาริมบันไดห้องเรียน ประกายระยับของเพชรน้ำงามจากไปแล้ว "ไม่มีคำร่ำลา"

ขวดยาคูล์นอนแน่นิ่งอยู่ในมือของเด็กชาย ฝาของมันไม่ได้ถูกเปิด หลอดยังคงถูกวางเอาไว้บนพื้นไม้ใกล้กันกับก้นของเขา

แปะ

หยดน้ำใสๆ เม็ดเล็กจิ๋วตกกระทบกับหัวเข่าของเด็กชาย อณูน้ำใสรวมตัวกันที่แววตาเศร้าสร้อย ครั้งนี้มันมีขึ้นทั้งสองข้างของดวงตา ระยะทางแห่งการรอคอยยังคงทอดยาวออกไป และมันยังคงไม่มีจุดสิ้นสุด

หากเด็กชายกระพริบตาอีกครั้ง สายฝนแห่งความทรมานคงจะทิ้งตัวเองลงไปบนเข่าทั้งสองข้างของเขาเป็นแน่ แต่เขากลับเช็ดมันออกด้วยปกเสื้อของเขาเอง ก่อนจะมองพื้นคอนกรีตที่อยู่ภายนอกของอาคารเรียนอย่างไม่มีจุดหมาย

กริ๊ง กริ๊ง

เพียงครู่เดียวหลังจากช่วงเวลาเหม่อลอยของเด็กชาย เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น มันดังอยู่เพียงสองหนก่อนที่คุณครูสาวจะหยิบหูโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู

เด็กชายคนเดิมยังคงนั่งนิ่งอยู่ตรงที่เดิม เขาไม่ได้หันมามองหรือเฉลียวตา ในมือยังคงถือขวดยาคูล์เอาไว้

ครูสาววางหูโทรศัทพ์ลงบนเครื่องอย่างเชื่องช้า ความเหม่อลอยอยู่ในดวงตาทั้งสองของเธอ

ครูสาวค่อยๆ ก้าวขาไปข้างหน้าที่ละก้าว ก่อนที่ร่างอรชรของเธอจะหยุดอยู่ใกล้กับเขาในระยะแค่ปลายนิ้วชี้ สายฝนตกลงกระทบไหล่ของเด็กชาย มันดัง แปะ อย่างแผ่วเบาบนไหล่ของเขาสองหยด

เด็กชายหันร่างกลับมาด้วยความสงสัย น้ำตายังคงคลออยู่ที่ตาทั้งสองข้าง

ครูสาวรั้งร่างเด็กชายเข้ามากอด และพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า

"วราวุฒิ แม่คงมารับหนูไม่ได้แล้วนะจ๊ะ"

"ทำไมล่ะครับครู" เด็กชายถามขึ้นด้วยความตื่นตกใจ

"แม่ของหนู ... เสียแล้วจ่ะ ครูเสียใจด้วยนะจ๊ะ"

ขวดยาคูล์ตกลงบนพื้นไม้กระดาน เด็กชายผลักครูสาวออกและวิ่งออกไปบนพื้นคอนกรีตอย่างไร้จุดหมาย แม่ของเขาจากไป "ไม่มีคำลาอีกเช่นเคย"

เวลาผ่านไปเด็กชายคนเดิมกลายเป็นเด็กหนุ่มที่นั่งมองสายฝน "แม้น้ำตาจะแห้งไปแล้ว แต่มันยังคงไหลอยู่ภายในใจของเขา ฝนที่ตกในวันนั้นยังคงเปียนปอนจนถึงวันนี้"

เรื่องสั้น เปียกปอนผ่านกาลเวลา

พื้นผิวแผ่นน้ำบนพื้นคอนกรีตกระเพื่อมออกเป็นวง จากจุดศูนย์กลางมันแผ่ออกไปทางด้านข้าง ก่อนที่หยาดหยดของสายน้ำที่ตกลงมาจากฟากฟ้าหยดแล้วหยดเล่าจะหลั่งไหลรินรดลงมา

ประกายระยับของสายฝนยามที่ตกลงมากระทบผิวน้ำเบื่องล่างในยามนี้นั้นช่างละม้ายคล้ายกับแสงระยิบของเพชรน้ำงามตามโฆษณาใน "ทีวี" ดึงความรู้สึกของชายหนุ่มร่างสันทัดเข้าไปอีกห้วงหนึ่งของกาลเวลา

เขาเป็นเด็กชายผิวขาวในวัยกำลังซน ชุดนักเรียนชั้นประถมถูกสวมเอาไว้อย่างอย่างยุ่งๆ เวลาบ่ายสี่โมงกำลังจะมาถึง และเขาก็ตั้งตารอคอยแม่อยู่ตรงนั้น ที่อาคารเก่าสีเขียว มันเป็นอาคารที่สร้างขึ้นจากไม้ทั้งหลัง

เด็กชายชันเข่าท้าวคางพลางพ่นลมหายใจออกไปปะปนกับความเย็นของอากาศอย่างเบื่อหน่าย ท่ามกลางเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กชายหญิงวัยเดียวกัน

การรอคอยยืดช่วงเวลาชั่ววินาทีให้ยาวออกไปแสนไกล จากจุดนี้ระยะทางแห่งการรอคอยนั้นผ่านมายาวไกลแล้ว หากแต่มันยังไม่สามารถมองเห็นจุดสิ้นสุดได้เลย "เขาไม่เคยต้องรอนานขนาดนี้มาก่อน"

แฉะ แฉะ แฉะ แฉะ แฉะ แฉะ

เสียงรองเท้าบูทยางดังขึ้น มันดึงเขาออกมาจากภวังค์แห่งการรอคอย เป็นสตรีวัยกลางคนในชุดคนขายยาคูล์ที่กำลังเดินเข้ามา

เด็กชายทอดถอนลมหายใจออกอย่างช้าๆ ก่อนที่จะเดินไปที่โตะไม้ของครูประจำชั้น

"ครูครับ ..."

"จ่ะ" ครูสาวในเสื้อสีขาวลายจุดสีน้ำเงินตอบกลับมาพลางหยิบเหรียญห้าบาทขนาดใหญ่ออกมาจากกระเป๋าสะพายที่อยู่ "ใต้โต๊ะ" ของเธอเอง

"วราวุฒิ เธอเขียนลงไปในสมุดด้วยนะ ว่าวันนี้เบิกไปกี่บาทแล้ว"

"ครับ" เด็กชายตอบกลับพลางเขียนเลขสิบลงบนหน้ากระดาษของสมุดเล่มใหญ่ปกสีน้ำเงิน

ตึก ตึก ตึก ตึก

เขากระทบเท้าที่ถูกหุ้มเอาไว้ด้วยถุงเท้าสีขาวปนเหลืองยานๆ ออกไปบนพื้นไม้กระดานของห้องเรียน

"ผมเอาหนึ่งขวดครับ"

"ได้จ่ะ" สาวใหญ่วัยกลางคนล้วงมือหยิบขวดยาคูล์ขวดหนึ่งออกมาให้เด็กชาย ก่อนที่จะเก็บเงินและเดิน แฉะ แฉะ แฉะ แฉะ กลับไป "มันไม่มีคำร่ำลา"

เด็กชายทรุดตัวลงนั่งชันเข่าตรงที่เดิม

สายฝนกลายเป็นเพียงหยดน้ำที่เลื่อนตัวไปมาบนใบบัวในอ่างดินเผาริมบันไดห้องเรียน ประกายระยับของเพชรน้ำงามจากไปแล้ว "ไม่มีคำร่ำลา"

ขวดยาคูล์นอนแน่นิ่งอยู่ในมือของเด็กชาย ฝาของมันไม่ได้ถูกเปิด หลอดยังคงถูกวางเอาไว้บนพื้นไม้ใกล้กันกับก้นของเขา

แปะ

หยดน้ำใสๆ เม็ดเล็กจิ๋วตกกระทบกับหัวเข่าของเด็กชาย อณูน้ำใสรวมตัวกันที่แววตาเศร้าสร้อย ครั้งนี้มันมีขึ้นทั้งสองข้างของดวงตา ระยะทางแห่งการรอคอยยังคงทอดยาวออกไป และมันยังคงไม่มีจุดสิ้นสุด

หากเด็กชายกระพริบตาอีกครั้ง สายฝนแห่งความทรมานคงจะทิ้งตัวเองลงไปบนเข่าทั้งสองข้างของเขาเป็นแน่ แต่เขากลับเช็ดมันออกด้วยปกเสื้อของเขาเอง ก่อนจะมองพื้นคอนกรีตที่อยู่ภายนอกของอาคารเรียนอย่างไม่มีจุดหมาย

กริ๊ง กริ๊ง

เพียงครู่เดียวหลังจากช่วงเวลาเหม่อลอยของเด็กชาย เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น มันดังอยู่เพียงสองหนก่อนที่คุณครูสาวจะหยิบหูโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู

เด็กชายคนเดิมยังคงนั่งนิ่งอยู่ตรงที่เดิม เขาไม่ได้หันมามองหรือเฉลียวตา ในมือยังคงถือขวดยาคูล์เอาไว้

ครูสาววางหูโทรศัทพ์ลงบนเครื่องอย่างเชื่องช้า ความเหม่อลอยอยู่ในดวงตาทั้งสองของเธอ

ครูสาวค่อยๆ ก้าวขาไปข้างหน้าที่ละก้าว ก่อนที่ร่างอรชรของเธอจะหยุดอยู่ใกล้กับเขาในระยะแค่ปลายนิ้วชี้ สายฝนตกลงกระทบไหล่ของเด็กชาย มันดัง แปะ อย่างแผ่วเบาบนไหล่ของเขาสองหยด

เด็กชายหันร่างกลับมาด้วยความสงสัย น้ำตายังคงคลออยู่ที่ตาทั้งสองข้าง

ครูสาวรั้งร่างเด็กชายเข้ามากอด และพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า

"วราวุฒิ แม่คงมารับหนูไม่ได้แล้วนะจ๊ะ"

"ทำไมล่ะครับครู" เด็กชายถามขึ้นด้วยความตื่นตกใจ

"แม่ของหนู ... เสียแล้วจ่ะ ครูเสียใจด้วยนะจ๊ะ"

ขวดยาคูล์ตกลงบนพื้นไม้กระดาน เด็กชายผลักครูสาวออกและวิ่งออกไปบนพื้นคอนกรีตอย่างไร้จุดหมาย แม่ของเขาจากไป "ไม่มีคำลาอีกเช่นเคย"

เวลาผ่านไปเด็กชายคนเดิมกลายเป็นเด็กหนุ่มที่นั่งมองสายฝน "แม้น้ำตาจะแห้งไปแล้ว แต่มันยังคงไหลอยู่ภายในใจของเขา ฝนที่ตกในวันนั้นยังคงเปียนปอนจนถึงวันนี้"

1 ความคิดเห็น:

  1. งานนี้เขียนในค่ายหลายเดือนที่ผ่านมา เหมือนมือใหม่หัดขับเลย ...

    ตอบลบ