วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ระยะห่างระหว่างฉันกับเม็ดฝน

"ระหว่างที่ฝนเม็ดบางร่วมลงมาจากฟ้า มันไกลแค่ไหนกันนะ ... ใครจะรู้ว่าฝนเม็ดเล็กๆ นี้จะแสนหนักอึ่ง ท่วมท้นผืนแผ่นปฐพีนี้..."

น้ำตาของชายผู้เป็นพ่อและหญิงผู้เป็นแม่ไหลนองอาบหน้า หลังจากที่เห็นร่างไร้วิญญาณของลูกชาย ใครบางคนเดินออกจากบ้านไปโดยเอ่ยคำลาเพียงสั้นๆ และใครบางคนเฝ้ารอการกลับมาของใครบางคน เฝ้ารอเหลือกันที่จะได้กินข้าวกันพร้อมหน้า

ใต้ดวงไฟสีส้มพ่อแม่และลูกชายอาจได้สนทนากัน

"แต่ฝนเม็ดบางนี้ช่างหนักอึ่ง"

ระยะทางที่เจ้าเม็ดฝนนี้เดินทางลงมามันช่างยาวนานและเวิ้งว้าง หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นเบื่องล่าง ในขณะที่ใครบางคนยิ้มแล้วหัวเราะร่า ในขณะที่ใครบางคนตัดต่อรูปวิจารย์การเมือง ในขณะที่ใครบางคนอกหัก กลายเป็นคนที่ไม่ใช่ของใครบางคน

มันก็มีบางคนที่ทิ้งเรื่องส่วนตัวเอาไว้เบื่องหลัง และก้าวเท้าออกมาทำเรื่องส่วนรวมโดยไม่คิดชีวิต และสุดท้ายท้องฟ้าใจร้ายก็พรากเขาไปจากเรา

"เวลาของเรามันไม่เท่ากัน"

ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ทุกคนต้องตายสักวัน ดังนั้นไม่จำเป็นที่เราต้องมานั่งคำนวนว่าจะกำไรหรือขาดทุนเวลาที่เราจะช่วยใครสักคน มันน่าจะเป็นเรื่องง่ายที่สุดในยามนี้ มันน่าจะง่ายกว่าคิดเรื่องส่วนตัวซะอีก ...

ผมขอสดุดีชายคนนั้น เขาคือคนที่ทำมากกว่าพูด เขาต่อสู้ในขณะที่หลายคนเลือกที่จะวิ่งหนี ในขณะที่ใครบางคนขี้ขลาด เขาก็จะเป็นแบบอย่างที่สอนเราให้รู้ว่าความเข้มแข็งคืออะไร เขาสอนมันด้วยชีวิตของเขาเอง

เปาะแป่ะ --- !!

ฝนเม็ดบางตกลงสู้พื้นเบื่องล่าง แผ่นน้ำแตกกระจายออกเป็นวง ...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น