วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม ...

มีรูปของพระองค์ติดอยู่ที่ข้างฝาบ้านมาตั้งแต่เด็ก ผมถามพ่อว่า 'นี่คือใครเหรอครับ' พ่อตอบว่าพระองค์ คือ 'ในหลวง' ผมถามพ่ออีกว่า 'ในอะไรนะครับ !?!' ด้วยความที่ไม่ประสีประสา พ่อจึงต้องอธิบายเรื่องราวของคำราชาศัพท์ และเรื่องราวของพระองค์ 'การเป็นพ่อคนมันจึงไม่ง่ายเอาซะเลย ...'

"พระองค์เป็นผู้คุ้มครองเราจากอันตรายลูก ทรงดูแลเราให้ปลอดภัย" เป็นนิยามแรกเกี่ยวกับพระองค์ที่ผมได้ยิน ในทุกๆ เช้า ก่อนไปโรงเรียนพ่อจะถามว่า "หวัดดีในหลวงรึยังวันนี้" ผมก็จะยกมือ "หวัดดีครับในหลวงวันนี้สบายดีมั้ยครับ" ตามประสาเด็กอนุบาลของผม

แต่พอโตขึ้นได้ดูทีวีนอกจากช่องการ์ตูน ได้ฟังพระบรมราโชวาททางสื่อ ได้อ่านพระมหาชนกก็เริ่มเข้าใจ เริ่มรู้จักพระองค์มากขึ้นตามลำดับ ในที่สุดก็รู้ว่าพระองค์นี่แหละที่ปกป้องเรามาตลอด ครั้งนี้น้ำท่วมกรุงเทพฯ ก็นึกถึงพระองค์เป็นคนแรก นึกถึงและเป็นห่วงที่ทรงต้องเหนื่อยเพื่อพวกเรามาตลอด

พระองค์ทรงเป็นแรงบันดาลใจให้ทำตามความฝัน หลายสิ่งที่พระองค์ทำนั้นสร้างสรรค์และนอกกรอบมาก มันสอนให้ผมรู้ว่ามนุษย์เรามีความสามารถจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นหากเรามีความรัก ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่าหากคนเรารักใครสักคน หรือต้องปกป้องใครสักคน เราจะทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างไม่จำกัด เราจะสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ด้วยสติปัญญาแบบใหม่ ด้วยวิธีการแบบใหม่ที่แม้แต่เราอาจจะยังต้องขนลุก

พระองค์ทรงเป็นแบบอย่าง ทรงย่ำรอยเท้าไว้ให้เราอย่างชัดเจน หากเรามองดีๆ เราเดินตามและไม่หลง พระองค์ทรงประคองบ้านเมืองนี้เอาไว้มาหลายทศวรรษแล้ว ถึงเวลาที่เราทุกคนจะทิ้งความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว มารักใครสักคน มาประคองใครสักอย่างที่พระองค์ได้ทำมาตลอด

ได้เวลาทำหน้าที่เป็นลูกกตัญญูแล้ว ...

น้ำมาคราวนี้มันได้ย้ำเตือนเราถึงหน้าที่ที่สำคัญ มันย้ำว่าใครบ้างที่อยู่กับเรา ย้ำเตือนว่าเราเหลือใคร ย้ำเตือนว่าบ้านเราบางทีมันก็ใหญ่เกินไป กว้างไปสำหรับครอบครัวเรา น้ำท่วมพื้นที่น้อยลงอาจทำให้เราใกล้กันมากขึ้น สิ่งเหล่านี้คือโอกาสของเรา โอกาสที่เราจะทำบางอย่างที่เรายังไม่เคยได้ทำ

คว้ามันไว้ซะ ....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น