------- (หัวขโมย // ลูกอมสามถุง) -------
เพี๊ยะ --- !!
หน้าผมหันไปอีกด้านหนึ่งอย่างกระทันหัน ตัวผมโซซัดโซเซตามแรงตบของพ่อ ผมซบลงบนเก้าอี้ที่เบาะทำจากผ้า ซุกตหน้าลงไป หวังยืดเวลานี้ให้นานออกไปอีก ช่วงเวลาที่ผมจะไม่ต้องโดนลงโทษ ไม่ต้องเป็นผู้ต้องหา ไม่ต้องเป็นหัวขโมย ...
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเบาะนุ่มๆ นี้ จะเยื้อผมเอาไว้จากความเจ็บปวดได้ แต่แทนที่สิ่งนั้น มันกลับ "เปียก" เปียกไปหมดเพราะหยดน้ำตาของผม มันไหลอย่างกับน้ำท่วมในข่าว
"ไอ้สัด ไอ้ลูกเนรคุณ กูต้องลำบากเพราะมึงอีกเท่าไหร่แค่นี้ยังไม่พออีกเหรอ !?!" พูดไม่ทันขาดคำพ่อกระชากคอเสื้อของผม ดึงผมจากท่านั่งขึ้นมาในท่ายืน ท่านคว้าที่เขี่ยบุหรี่ที่ทำจะแก้วตัน
"ผมว่าค่อยๆ คุยกันก็ได้นะครับ" ตำรวจวัยกลางคนเข้ามาห้าม เค้าแยกผมกับพ่อออกจากัน เค้ามองหน้าที่บู้บี้ของผม คลำดูเบาๆ เพื่อดูว่าจะต้องพาผมไปโรงพยาบาลมั้ย
"เรื่องแค่เล็กน้อย อีกอย่างมันก็แค่ลูกอม ผมไม่เอาความอยู่แล้ว แค่อบรมสอนเค้าบ้างก็พอ" ผู้เสียหาย ร้านขายของชำพูดเสริม
พ่อของผมก้มหน้า เค้านั่งลงกับเก้าอี้ "พวกคุณออกไปกันได้แล้ว" ทุกคนทำหน้าสงสัยอะไรที่ดับความโกรธของพ่อลงได้ขนาดนั้น แต่ก็ออกไปอย่างฝ่ายคุมเชิง ค่อยๆ ถอยก้าวออกไปอย่างช้า ไม่อยากทำให้อารมณ์ที่เปราะบางของใครบางคนต้องแตกสลาย พวกเค้าคงไม่เข้าใจว่าเราสองพ่อลูกจะผ่านสถานการณ์นี้ไปได้อย่างไร
------- (ครอบครัว) -------
เสียงประตูปิดเป็นเสียงสุดท้ายที่เกิดขึ้นในบ้านหลังนี้ ความเงียบและความมืดอยู่รอบข้างผมกับพ่อ ไฟถูกปิดทุกดวง มีเพียงแสงอ่อนๆ ของพระอาทิตย์ที่ลอดสลัวเข้ามา เราแทบไม่ขยับตัว ราวกับว่าเรากำลังจะตาย ผมไม่กลัวความเจ็บปวดอีกต่อไป ไม่ว่าจะจากที่เขี่ยบุหรี่อันนั้น หรือกระสุนปืนจากความโกรธเคืองก็ตาม
ทำไมนะ ... ผมถึงทำอะไรโง่ๆ พรรณนั้นออกไป นึกแล้วมันก็งี่เง่าจริงๆ แค่อยากลองของ อยากเล่นเกม อยากคึกคะนอง อยากทำอะไรที่มันตื่นเต้น อะไรก็ตามที่ต้องวางเดิมพันสูงๆ
เด็กวัย ๑๒ อย่างผมก็คงคิดได้เท่านี้ ผู้ชายที่วันๆ จมอยู่กับการล้มละลายจะมาเข้าใจได้ยังไง คนที่คิดแต่ว่าจะหมดกำลังใจ เอาแต่โทษชะตาจะมาเข้าใจผมได้ยังไง จะรู้ได้ยังไงว่าจริงๆ ผมต้องการอะไร
------- (กอด) -------
"เป็นยังไงบ้าง" พ่อพูดออกมา น้ำตายังไม่แห้งจากเบ้าตา นี่คงเป็นช่วงเวลาที่อ่อนแอของผู้ชายคนนั้น นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ฉันเห็นท่านร้องไห้
"ให้พ่อดูซิ เจ็บตรงไหนบ้าง" ท่านพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พลางเอามือมาจับที่ขอบตาปูดบวมของผม เพ่อเอาหน้ามาใกล้ๆ ดูมันอย่างพินิจ
"พ่อจะไม่ตีลูกอีกต่อไป..." พ่อพูดมันมาเบาๆ แต่พ่อกอดผมเอาไว้อย่างหนักแน่น !! พ่อ คนบ้าหุ้น คนขี้โมโห คนหยาบคาย แต่ยังไงคนนี้ก็ไม่เคยลืมว่าตัวเองเป็นใคร ใช่ ... เค้าคือพ่อของผม ไม่ใช่พ่อที่ผมยืมคนอื่นมา
------- (คนที่อยู่ข้างเดียวกับเรา // ไม่ว่าอย่างไร) -------
เราอาจจะผิดพราดได้ หรือเราอาจจะเก่งจนคิดว่าจไม่มีวันที่เราจะผิดพราด ไม่ว่าอย่างไรเราก็ต้องการใครสักคนที่อยู่ข้างเดียวกับเรา คนที่จะยืนอยู่ฝั่งเรา เป็นเพื่อน เป็นพวกพ้อง เป็นครอบครัว
เราไม่อาจอยู่อย่างเดียวดาย ไม่ปรารถนาจะล๊อคตัวเองลำพัง เราซื้อมือถือเราต้องการมือถือหรือเราต้องการสายสัมพันธ์ ??
สำหรับผมชายคนนั้นจากผมไปนานพอควรแล้ว แต่ผมก็ละรึกถึงเค้าในฐานะคนที่จะอยู่ข้างเดียวกับผมไม่ว่าอย่างไร ทุกวันนี้คนเราเลิกร้างกันง่ายดาย เพราะเราเชื่อเรื่องสามี เรื่องภรรยา น้อยกว่าเชื่อเรื่องพ่อเรื่องแม่ เราเชื่อว่าพ่อเป็นพ่อลูกเป็นลูก เราไม่มีวันตัดกันได้ แต่เรื่องสามีภรรยาเรากลับเชื่อว่าเราตัดกันได้
ในที่สุดการตัดสินใจเลิกร้างกันก็ส่งผลกับเด็กคนหนึ่ง เด็กที่ภายหลังเราเรียกเค้าว่า 'ลูก' พ่อผมไม่เคยไม่เชื่อว่าผมเป็นลูก แม้เคยพูดตอนโมโหว่า 'ทางใครทางมัน' แต่ก็ลงเอยด้วยอ้อมกอดทุกครั้งไป
สำหรับผมแล้ว ผมเชื่อว่าภรรยาคือครอบครัวเดียวกันที่ตัดไม่ขาดไม่ว่าอย่างไร ไม่ว่าจะผิดพราดมากแค่ไหน ผมไม่ได้มองหาคนสมบูรณ์แบบ ผมเชื่อว่ามันถูกกำหนดมาแล้ว หน้าที่ของเราคือส่งต่อความไว้วางใจของพ่อแม่ที่มีต่อเราไม่สู่ลูกของเรา
"ปู่ของลูกเจ๋งมากรู้มั้ย"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น