วันนี้เดินทางออกมาด้วยใจที่กลัวเปียกสุดๆ แต่ก็ได้เตรียมใจเอาไว้แล้วว่าหากจะต้องเปียกก็ขอเปียกอย่างสมศักดิ์ศรี ไว้ลายชายชาตรีให้สมกับที่อุส่าห์เกิดมาเป็นคน
พอเดินออกจากบ้านก็ไปขึ้นรถกระป๊อ หวังจะเดินทางไปให้ถึงที่ทำงานอันเป็นที่มั่น ในใจก็ยังคงกลัวตุ๊มๆ ต่อมๆ อยู่ว่าจะมีใครเขาสาดน้ำมาให้ประหลาดใจหรือเปล่า อารมณ์เหมือนเข้าบ้านผีสิงเลย
ในอ้อมแขนกอดกำเป่สะพายสีม่วงแป๋นแหลนเอาไว้สุดกำลัง ขณะที่นั่งอยู่นั่นก็เห็นเจ๊คนหนึ่ง เธอขึ้นมาบนรถพร้อมกับนกสองตัว มันเป็นนกหงษ์หยกสีเขียวกับสีเหลือง ขาของพวกมันเล็กนิดเดียวเอง
เจ๊ขึ้นมานั่งหน้า ส่วนฉันนั่งอยู่ด้านหลัง รถว่างขนาดนี้ฉันเห็นเจ๊เขาได้ถนัดตา นกสองตัวนั้นโยกตัวไปมาพลางส่งเสียงแหลมๆ ตามจังหวะกระแทกของรถ ถนนแถบนี้เรียบซะที่ไหน ใครๆ ก็รู้ ทางการเขามาขุดเอาไว้ หลังจากนั้นก็เอาแผ่นเหล็กวางเพื่อปิดที่ขุด เขาไม่เคยมากลบหลุมนั้นเลย คงจะคิดสภาพล้อเล็กๆ บนถนนที่เต็มไปด้วยแผ่นเหล็กออกนะ คงจะคิดสภาพของนกสองตัวนั้นออกด้วย
มันร้องเสียงหลงยามที่ต้องกระแทบ แม้มุมที่ฉันมองเห็นจะชัดมาก แต่พวกมันก็คราดสายตาไปแล้ว เพราะมันลงไปหลบอยู่ที่ตัก ของเจ๊คนนั้น
ฉันจึงมีเวลาว่างพอที่จะคิดกับตัวเอง ติดถึงเรื่องราวของนกหงษ์หยกที่ฉันเคยเลี้ยงบ้าง มันเชื่องซะที่ไหนล่ะ ให้ตาย ใครว่ามันเชื่องก็ว่าไปเหอะ ฉันคนนึงล่ะที่คิดว่าไม่
ฉันชื้อมันมาจากจตุจักร มันเป็นนกหงษ์หยกที่สวยทีเดียว ทีแรกอยากได้พันธ์อังกฤษ แต่ไม่มีเงินซื้อ เพราะตอนนั้นกว่าจะเก็บค่าขนมได้สักร้อยมันยากมากเลย เลยลงเลยที่มันนี่แหละ ฉันกับพี่ชายถือมันมาในกรงสีฟ้า ทุกอย่างที่ต้องใช้เลี้ยงมันมีพร้อม ยกเว้นอาหาร เพราะเจ้าของร้านบอกว่าอย่าเพิ่งให้มันกิน มันกินมาเยอะแล้วเดี๋ยวจะพุงแตกตาย ตัวนี่กินจุมาก นิสัยก็ประหลาด แน่ใจนะจะเอา ฉันต่อไปว่า "ผมอยากได้ ผมเอาครับ"
ระหว่างการเดินทางมันไม่มีทีท่าตื่นตกใจเลย มันเป็นนกนิ่งๆ ออกแนวเฉยเมย เป็นนกที่ช่างไม่มีไฟเอาซะเลย ฉันมองมันแล้ว นอกจากความสวย มันช่างไร้ประโยชน์จริงๆ
เมื่อถึงที่บ้านฉันเกรงว่ามันจะหิว เลยเปิดกรงออกมาเล็กน้อย เพื่อเอาอาหารให้มันทันใดนั้นเองมันก็บินออกจากกรง เหมือนว่าเตรียมการเอาไว่แล้ว แต่มันก็ได้แต่บินวนอยู่ในบ้าน ฉันร้องเรียกมันว่า "มานี่ๆ" มันก็ร้องจิ๊บๆ สวนกลับมา เอาล่ะ เจอกันหน่อย
(อ่านต่อวันพรุ่งนี้นะ ไปทำงานก่อน เดี๋ยวจะโดดมาเขียนให้อ่านใหม่)
พอเดินออกจากบ้านก็ไปขึ้นรถกระป๊อ หวังจะเดินทางไปให้ถึงที่ทำงานอันเป็นที่มั่น ในใจก็ยังคงกลัวตุ๊มๆ ต่อมๆ อยู่ว่าจะมีใครเขาสาดน้ำมาให้ประหลาดใจหรือเปล่า อารมณ์เหมือนเข้าบ้านผีสิงเลย
ในอ้อมแขนกอดกำเป่สะพายสีม่วงแป๋นแหลนเอาไว้สุดกำลัง ขณะที่นั่งอยู่นั่นก็เห็นเจ๊คนหนึ่ง เธอขึ้นมาบนรถพร้อมกับนกสองตัว มันเป็นนกหงษ์หยกสีเขียวกับสีเหลือง ขาของพวกมันเล็กนิดเดียวเอง
เจ๊ขึ้นมานั่งหน้า ส่วนฉันนั่งอยู่ด้านหลัง รถว่างขนาดนี้ฉันเห็นเจ๊เขาได้ถนัดตา นกสองตัวนั้นโยกตัวไปมาพลางส่งเสียงแหลมๆ ตามจังหวะกระแทกของรถ ถนนแถบนี้เรียบซะที่ไหน ใครๆ ก็รู้ ทางการเขามาขุดเอาไว้ หลังจากนั้นก็เอาแผ่นเหล็กวางเพื่อปิดที่ขุด เขาไม่เคยมากลบหลุมนั้นเลย คงจะคิดสภาพล้อเล็กๆ บนถนนที่เต็มไปด้วยแผ่นเหล็กออกนะ คงจะคิดสภาพของนกสองตัวนั้นออกด้วย
มันร้องเสียงหลงยามที่ต้องกระแทบ แม้มุมที่ฉันมองเห็นจะชัดมาก แต่พวกมันก็คราดสายตาไปแล้ว เพราะมันลงไปหลบอยู่ที่ตัก ของเจ๊คนนั้น
ฉันจึงมีเวลาว่างพอที่จะคิดกับตัวเอง ติดถึงเรื่องราวของนกหงษ์หยกที่ฉันเคยเลี้ยงบ้าง มันเชื่องซะที่ไหนล่ะ ให้ตาย ใครว่ามันเชื่องก็ว่าไปเหอะ ฉันคนนึงล่ะที่คิดว่าไม่
ฉันชื้อมันมาจากจตุจักร มันเป็นนกหงษ์หยกที่สวยทีเดียว ทีแรกอยากได้พันธ์อังกฤษ แต่ไม่มีเงินซื้อ เพราะตอนนั้นกว่าจะเก็บค่าขนมได้สักร้อยมันยากมากเลย เลยลงเลยที่มันนี่แหละ ฉันกับพี่ชายถือมันมาในกรงสีฟ้า ทุกอย่างที่ต้องใช้เลี้ยงมันมีพร้อม ยกเว้นอาหาร เพราะเจ้าของร้านบอกว่าอย่าเพิ่งให้มันกิน มันกินมาเยอะแล้วเดี๋ยวจะพุงแตกตาย ตัวนี่กินจุมาก นิสัยก็ประหลาด แน่ใจนะจะเอา ฉันต่อไปว่า "ผมอยากได้ ผมเอาครับ"
ระหว่างการเดินทางมันไม่มีทีท่าตื่นตกใจเลย มันเป็นนกนิ่งๆ ออกแนวเฉยเมย เป็นนกที่ช่างไม่มีไฟเอาซะเลย ฉันมองมันแล้ว นอกจากความสวย มันช่างไร้ประโยชน์จริงๆ
เมื่อถึงที่บ้านฉันเกรงว่ามันจะหิว เลยเปิดกรงออกมาเล็กน้อย เพื่อเอาอาหารให้มันทันใดนั้นเองมันก็บินออกจากกรง เหมือนว่าเตรียมการเอาไว่แล้ว แต่มันก็ได้แต่บินวนอยู่ในบ้าน ฉันร้องเรียกมันว่า "มานี่ๆ" มันก็ร้องจิ๊บๆ สวนกลับมา เอาล่ะ เจอกันหน่อย
(อ่านต่อวันพรุ่งนี้นะ ไปทำงานก่อน เดี๋ยวจะโดดมาเขียนให้อ่านใหม่)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น