วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2554

แรงบันดาลใจของวันพรุ่งนี้

ในชีวิตของเราจะมีช่วงเวลานานสักกี่วินาทีที่จะเป็นวินาทีประวัติศาสตร์ของเรา นานสักแค่ไหนกันที่เราจะภูมิสุดๆ กับอะไรบางอย่าง และสามารถเก็บมันเอาไปฝันได้ตลอดผมนั่งคิดขณะที่กำลังอ่านข้อความ ข้อความหนึ่งอยู่ มันอยู่อย่างแน่นิ่งเอื่ยเฉื่อยในโทรศัพท์มือถือ เฝ้ารอหยดน่ำตาที่กำลังจะตกลงมากระทบหน้าจอเล็กๆ อ่อนไหวไปมั้ยนะ ผมคิด

"กริ๊ดดด !! ทำไมทำร้ายเพลงพระราชนิพนธ์อย่างนี้" บางคนเขียน

เวทีมักเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเรา และมักเป็นศัตรูที่ร้ายกาจของคนที่อ่อนซ้อม ผมมักจะบอกคนอื่นแบบนี้เสมอ เพราะมั่นใจว่าตัวเองอยู่ในจุดที่ซ้อมหนัก ซื่อสัตย์กับการซ้อม ขยัน และเอาจิงเอาจัง แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป ผมล้มเหลวไม่เป็นท่า กลายเป็นเด็กทารกที่หวาดกลัวโลกใบนี้และสิ่งรอบข้าง ผมเลือกเพลงผิดเหรอ หรือว่าผมยังซ้อมไม่พอ หรืออะไร ผมพยายามหาคำอธิบายในขณะที่วันพรุ่งนี้กำลังจะมาถึง อดีตยังคงไล่ล่าอย่างไม่ปราณี

ตอนนี้ต้องหาวิธีผ่านมันไปให้ได้ ...

ผมทบทวนว่าผมทำอะไร เพื่ออะไรกันแน่ แล้วผมก็ได้คำตอบประการหนึ่งที่น่าพอใจว่า ผมร้องเพลงเพลงนี้เพื่อแสวงถึงความจงรักภักดี แสดงถึงความตั้งใจแน่วแน่ที่จะเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อสังคม แน่นอนถ้าผมร้องไม่ดีก็อาจมีคนว่าบ้าง แต่ไม่เป็นไร ผมซ้อมทุกวัน ผมเต็มที่แล้ว และผมก็รักในสิ่งที่ทำ แม้หลายอย่างอาจจะยังไม่พร้อม แต่บนความไม่พร้อมนี่แหละเราก็ได้พิสูจน์ตัวเอง 

ผมจะไม่โทษโชคชะตา จะไม่โทษคนอื่น ไม่โทษสถานการณ์ ไม่โทษโกรธตัวเอง ผมจะวางมันลงยิ้มแล้วก้าวต่อไป พรุ่งนี้ไฟจะส่องหน้า พี่ๆ ที่หน้ามิกซ์จะมองผม เพื่อนๆ และคนที่มาดูจะเห็นผม เห็นความจงรักภักดี เห็นความเพียรพยายาม ถึงมันจะไม่ดีเมื่อเทียบกับใครๆ แต่ผมไม่ได้อยู่ที่ศูนย์ แม้มันจะไปไม่เร็วนัก แต่ก็กำลังมุ่งไปอย่างเต็มกำลัง 

"ไม่เคืองแค้น น้อยใจในโชคชะตา ไม่เสียดายชีวาถ้าสิ้นไป"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น