---( สบายดีมั้ยช่วงนี้ / เป็นยังไงบ้างช่วงนี้) ---
ถ้าจะถามว่าเวลาคนไทยไปไหนมาไหน พอเจอหน้าคนรู้จักจะทักว่าไง ... สวัสดี ?? เปล่าเลย ส่วนใหญ่จะถามด้วยคำง่ายๆ ประเภทที่ว่า "ไปไหน" หรือ "เป็นไงบ้างช่วงนี้"
พอไม่เจอกันนานๆ เรื่องหลายๆ เรื่องที่อยากจะเล่าก็วับ !! ไปกับตา เหลือแต่ไอ้เรื่องเศร้าที่ไม่อยากจะเอามาเล่า แงๆ
ช่วงนี้มีอะไรใหม่บ้าง ??
ถ้าจะถามเพียงแค่ประเด็นง่ายๆ นี้ ก็คงจะตอบไม่ยาก อย่างแรกเลยก็คือ "ถนน" ในซอยบ้านที่อยู่มาตั้งแต่เป็นวัยละอ่อนนั้นเพิ่งจะทำถนนคอนกรีต แต่ก่อนที่สิ่งใหม่จะมาก็เป็นธรรมดาที่จะต้องเอาสิ่งเก่าๆ ออกไปก่อน นั่นหมายความว่าถนนที่เคยลาดยาง แปลงผักสวนครัว และต้นไม้นานาพันธ์ที่เคยเป็นดั่งดินแดนสรวงสวรรค์ของน้องหมาก็ต้องขุดทิ้งด้วยเช่นกัน
การทำถนนปกติแล้วจะต้องขุดดินลึกลงไปประมาณ ๒๐ ซม. เพื่อรองรับการเทคอนกรีต ขั้นตอนต่อมาคือการขุดร่องลึกหนึ่งเมตร เพื่อวางระบบท่อระบายน้ำ หลังจากทำท่อระบายน้ำทั้งสองฝั่งของถนนเสร็จแล้วก็ถึงตาการเทคอนกรีต (ถ้านึกภาพตามไม่ออกก็ไม่เป็นไรนะ ตั้งใจไว้แล้วว่าอ่านไม่รู้เรื่องก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องรู้เรื่องก็ได้ คือ เรื่องบางเรื่องก็ไม่ต้องไปเข้าใจมัน ชีวิตก็แบบนี้แหละ)
และวันแห่งการเทคอนกรีตก็มาถึง เวลาเทเขาจะแบ่งเส้นทาง อย่างซอยที่ข้าพเจ้าอยู่อาศัยก็สามารถเข้ามาได้อีก ๑ ซอย รวมซอยหลักแล้ว บ้านนี้เข้าได้ ๒ ทางนั่นเอง เวลาเทคอนกรีตก็จะเท ๑ ทางเว้นไว้อีกหนึ่งทาง เพื่อใช้ในการสัญจร แต่ถ้าเป็นรถยนต์หรือรถสี่ล้อขึ้นไป ต้องรอ ๓ วัน ให้ปูนแห้งเสียก่อน
อีก ๓ วัน จะได้ถนนใหม่อย่างเป็นทางการนั่นเอง ...
เรื่องใหม่เรื่องต่อมาคือเมนูอาหาร ปกติข้าพเจ้าจะไปทานอาหารที่ร้านตามสั่งร้านประจำ กับเมนูประจำ โดยคนทำคนประจำ ราคาก็ยังเป็นราคาประจำ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ไม่มีอะไรใหม่ ซ้ำๆ ซากๆ น่าเบื่อเป็นประจำ เมนูที่สั่งประจำนั่นคือ "กระเพราไก่ไข่ดาว" ใครกินบ้างยกมือขึ้น ใครกินวันละ ๑ ครั้งก็ขอให้ยกมือขึ้นด้วย ...
เมื่อไปถึงร้านเจ้าของร้านถามว่า : "oxxoox|~><$¥\}#"
ผมถามกลับ : "อะไรนะพี่"
มันก็ยังจะพูดในคอ : "oxxoox|~><$¥\}#"
ผมบอก : "พี่ไปขี้ไปไป ?? พูดในคออย่างนั้นใครจะรู้เรื่อง อย่ามาคิดว่าคนอื่นเขาเป็นเอเลี่ยนปลอมตัวมาเหมือนพี่หมดทุกคนดิ"
พี่เขาเลยพูดช้าลง : "o x x o o x | ~ > < $ ¥ \ } ?? #"
ผมคิด : นี่ชีวิตนี้มึงกะจะให้แค่เมียมึงเข้าใจมึงคนเดียวใช่มั้ย ?? เฮ้ออออ เพลียยยย !!! "เอางิ๊ ผมเอาไก่ผัดผงกระหรี่ราดข้าว ไม่เอาไข่ดาวนะ"
พี่เขาบอกว่า "มันใส่ไข่อยู่แล้วเอาด้วยมั้ย หรือไข่ก็ไม่ต้องใส่"
ผมตอบ : "oxxoox|~><$¥\}#" ดีๆ ดูซิฟังรู้เรื่องมั้ย ??
สรุปว่าวันนั้นผมได้ไก่ผัดผงกระหรี่ไม่ใช่ไข่ดาว ซึ่งใส่ไข่ไปผัดตามปกติ อร่อยมากผมชอบ และสองาามวันต่อมา ผมก็กินวันละอย่างน้อย ๑ มื้อ คำถาม แล้วกระเพราไก่ไข่ดาวล่ะ ... ก็ยังกินเหมือนเดิม !?!
เรื่องที่สามถ้าผู้อ่าน หรือแฟนๆ งานเขียนของผมยังไม่เบื่อซะก่อน !!
ผมได้งานที่ใหม่ อย่างที่ทราบกันดีว่าผมมีความฝันอยากจะทำรายการวิทยุที่ัปิดโอกาสให้คนมาขอโทษ และก็มาให้อภัยกันได้ในรายการ หลังจากที่ อุทธยานการเรียนรู้ให้การสนับสนุนเป็นเวลาหกเดือน ในที่สุดก็หมดระยะเวลาของโครงการ ตลอดระยะเวลาหกเดือนที่ผ่านมา ผมเห็นเ็กหลายๆ คนร้องไห้ตอนเอ่ยปากขอโทษพ่อแม่ หลายคนเอ่ยความรู้สึกที่ไม่เคยบอกเพื่อน บางคนขอโทษที่ไม่ยอมลูกให้คนแก่นั่ง เมื่อเห็นคนท้องขึ้นมาบนรถเมล์ (อะไรของมึง ?!?)
ผมอยากบอกว่ามีความสุขมากที่ได้ทำงานนั้น แต่ทุกอย่างก็มีวาระของมัน ผมอิกหางานอีกครั้ง ในใจก็ตื่นเต้นว่าจะได้งานมั้ยนะ แต่ก็พยายามสนุกกับการสมัครงานทุกๆ วัน พยายามออกไปหางานที่เราชอบ แล้วก็บอกเขาถึงสิ่งที่เราพอจะทำได้
เดือนหนึ่งต่อมาผมก็ได้งาน เป็นครีเอทีฟที่บริษัทอีเว้นเล็กๆ แห่งหนึ่ง ที่นั้นผมกลายเป็นเด็กอมนิ้วอีกครั้ง ผมเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากเจ้านายของผม เขาชื่อว่าพี่หนึ่ง พี่หนึ่งจะคอยสอนสิ่งต่างๆ ให้ผมเสมอ โดยไม่สนใจว่าผมจะอยากเรียนหรือไม่ด้วย หรือไม่ว่าผมจะเข้าใจหรือไม่ด้วย
งานหนึ่ง พี่หนึ่งเดินมาหาผม "powerpoint ชุดนี้ของคุณผมชอบนะ แต่ผมอยากได้ฉ่ำๆ" แล้วแกก็เดินไป
ผมต้องหาคำว่า "ฉ่ำๆ" ในพจนานุกรมคำทั้งหมดที่มีอยู่ในหัว พลางบอกตัวเองว่า "นี่คือการฝึกเว้ยไอ้นิว แกจะเก่งขึ้นเพราะเขานี่แหละ ไม่ต้องกลัว" คนเราเนี่ย ถ้าต้องบอกตัวเองว่าอย่ากลัวแสดงว่าแม่ง "กลัวเยี่ยวแทบราด" ซึ่งผมก็กลัวมาก แต่เยี่ยวไม่ราดเพราะโต๊ะผมไม่ไกลจากห้องน้ำเท่าไหร่ ทนไม่ไหวก็เข้าห้องน้ำก่อนได้ไม่มีปัญหา
แล้วสุดท้ายผมก็รู้ว่า เครียดให้ตายเราก็ไม่รู้ว่าไอ้ฉ่ำๆ ของแกจะมีสารรูปแบบไหน เราเพียงทำได้แค่ "เดา" ผลของการเดาก็มีแค่สองแบบคือผิดกับถูก และจะออกมาแบบไหน ผลของมันก็จะคงอยู่ไม่นาน เดียวคนก็ลืม แล้วก็ต้องคิดเรื่องใหม่ ดังนั้นถ้ามันยากนักก็เดาไปเลยจบ
แต่ผมก็เดาถูก ทีนี้ฉ่ำทั้งเนื้อหา ทั้งภาพการนำเสนอ ... ใช่แล้ว ผมมีเจ้านายเป็นติส !!
บรรยากาศในการคิดงานของผมคือการต้องคิดงานให้ออกภายใต้เวลาและความวุ่นวาย ลองคิดดูว่ามีคนห้าคนคุยกันเสียงดังโดยไม่มีใครฟังใครเลย อย่าถามว่ารู้เรื่องมั้ย ไม่มีทางรู้เรื่องหรอก
ผมก็ต้องนั่งคิดงาน ก็ทำใจให้จดจ่อกับงานซึ่งแรกๆ ยากมาก แต่นานๆ ไปก็สามารถทำได้ คือ พอนั่งมำงานทีก็เหมือนเดินเข้าไปในอีกโลก บอกแล้วว่าผมเรียนรู้หลายๆ อย่างจากที่นี่
นี่ที่ไม่มีระบบแบ่งงานกันทำ เราไม่แบ่งหน้าที่ เราทำหน้าที่เดียวกัน ทำพร้อมกัน พอเสร็จ เราก็เปลี่ยนหน้าที่พร้อมกันทุกคน แล้วก็ทำ เหมือนภาพเด็กเตะฟุตบอล ที่บอลอยู่ที่ไหน ทั้งสนามจะวิ่งไปที่จุดเดียว มันก็มันดี เฮฮา สนุก บรรยากาศเป็นกันเอง เหมือนห้องเรียนที่มีเด็กหลายประเภท เช่น เด็กหน้าห้อง พวกนี้ก็จะตั้งใจทำงาน ไม่ค่อยเล่นสนุก เด็กหลังห้องที่ แหมม ก็รู้กันดี หลายคนที่อ่านก็เคยเป็น และเด็กนอกห้อง คือ อยู้แผนกอื่นแต่มาคอยสังเกตการณ์
ทำงานที่นี่ผมป่วยบ่อยมาก เพราะต้องอยู่ทำงานจนดึกๆ หลายครั้ง แต่มันคือชีวิตในฝันนะ เพราะว่า สมัยเรียนผมก็กลับบ้านดึก หลังเลิกเรียนก็ต้องเล่นกีฬากับเพื่อน แล้วก็นั่งเม้าท์กันคนค่ำมืด หรือไม่ก็ก็ช่วยงานโรงเรียน ทำนู่น ทำนี่ ไปเรื่อย
สรุปว่าชอบนะ เจ้านายเหมือนครู ห้องทำงานเหมือนห้องเรียน เพื่อนเหมือนเพื่อนที่โรงเรียน และนี่ก็เป็นเรื่องช่วงนี้ของผม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น